วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สรณัง คัจฉามิ ...จริง จริ๊ง ?





การภาวนาต้องจริง...เป็นเรื่องของคนจริง
เพราะธรรมเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเล่น 

เพราะนั้นการที่จะเข้าไปถึงของจริง เห็นของจริงนี่
การปฏิบัติต้องจริง ศีลสมาธิปัญญาต้องจริง ต้องต่อเนื่อง
ต้องไม่ใช่เป็นพาร์ทไทม์หรือว่ารักเผื่อเลือก 
มันจะต้องเป็นหลัก...งานหลัก คือเรียกว่าสัมมาอาชีโว

สัมมาอาชีโวจะมั่นคงได้ก็อาศัยสัมมากัมมันโต กระทำชอบ
และมีดำริชอบ ... ต้องดำริซ้ำลงไปว่านี่คือวิถีแห่งพุทธะ
นี่คือวิถีแห่งบัณฑิต นี่คือวิถีแห่งความหลุดพ้น นี่คือวิถีแห่งความรู้แจ้ง
นี่คือวิถีแห่งการไม่กลับมาเกิด ไม่กลับมาตาย ไม่กลับมาทุกข์
ไม่กลับมารัก ไม่กลับมาชัง ไม่กลับมาชอบอีก

ต้องดำริอย่างนี้บ่อยๆ คือการงานพวกนี้จึงจะเห็นว่าเป็นหลัก
...ที่เหมือนกับลมหายใจเข้าออก...ขาดไม่ได้

 นั่นแหละ เริ่มเป็นบัวปริ่มน้ำแล้ว
แค่ตั้งสัจอธิษฐานด้วยความรู้สึกที่เป็นสัมมาว่าเป็นงานการที่ทิ้งไม่ได้ ขาดไม่ได้
ต่อไปนี่ เมื่อทำแล้วดำริเช่นนี้บ่อยๆ แล้วมีการน้อมกลับมารู้ กลับมาเห็น 
ดูกายเห็นจิต ดูจิตเห็นกาย ดูกายเห็นจิต อยู่เสมอ อยู่อย่างนี้
...มันจะสะสมกำลังไปทีละเล็กทีละน้อย

ไอ้ที่จะๆๆ จะพ้น ...เดี๋ยวก็พ้นเอง
ไม่ใช่ 'จะๆ' มาหลายชาติแล้ว 
ใกล้แล้วๆ จะเข้าใจแล้ว จะได้แล้ว...ตายซะก่อน 
มันไม่เข้าใจสักที ...เป็นอะไรวะ ไปคาอะไร

เราบอกให้มันคาอะไร...คาขี้เกียจ

พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ...ไม่เอาอ่ะ
เอาหมอน ที่นอน สรณัง คัจฉามิ๊
เอาอาหารการกิน สถานที่ท่องเที่ยว ญาติสนิทมิตรสหาย
การพูด การคุย ฮัลโหลๆ สรณัง คัจฉามิ๊
...เนี้ย มันเป็นที่พึ่งไปหมด

ก็ต้องกลับมาหาพุทธะ ธัมมะ สังฆะ ...
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละจึงจะเป็นที่พึ่ง 

เพราะนั้นพุทธะไม่ได้อยู่ที่ไหน ...ใจผู้รู้นี่แหละ รู้อยู่ที่ไหน รู้อยู่เสมอ 
นั่นแหละเราอยู่กับพระพุทธเจ้า เฝ้าอยู่ เสนอหน้ากับท่านอยู่ ใกล้แล้วๆ
...แม้ท่านยังไม่รับเข้าธรรมสภา แต่ว่าเฝ้าไว้ก่อน อยู่ตรงนั้นก่อน 
อบรมกาย อบรมจิต เดี๋ยวพอได้ที่ได้ทางก็จะเขยิบเข้ามา...ในใจ
ใกล้ชิดพระพุทธเจ้ามากขึ้นๆ

ทำไมพระพุทธเจ้าถึงบอกผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต
ธรรมคือที่ไหน ... ธรรมคือธรรมะปัจจุบัน กับใจที่รู้ปัจจุบัน
เมื่อใดที่อยู่กับรู้กับใจกับกาย เมื่อนั้นแหละจะเห็นพระพุทธเจ้า
เข้าใจพระพุทธเจ้ามากขึ้น เข้าถึงพระพุทธเจ้ามากขึ้น
... เพราะนั้นพุทธะ ธัมมะ สังฆะ คืออยู่ที่ใจดวงนี้แหละ

แต่พวกเราพอเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า...สักแป๊บนึงก็...
'ที่นอน สรณัง คัจฉามิ ๆ ...เดี๋ยวรอก่อนนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยต่อนะเจ้าคะ
ข้าพระพุทธเจ้าขอทูลลา ขอทูลลาพระองค์ก่อน' (หัวเราะ)
...ลาไปลามาก็...ตายซะก่อน  หมดเวลา...เลเวลนึง

 เพราะนั้นเมื่อเราเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
ก็อยู่ตรงนั้นแหละ  ...ไม่ไปไม่มาที่อื่นแล้ว
นั่นแหละถึงจะจริง ถึงจะเข้าถึงพุทธะจริง
นั่นน่ะคือวิถีแห่งพุทธะ วิถีธรรม วิถีแห่งมรรค
วิถีแห่งความหลุดพ้น วิถีแห่งความรู้แจ้ง
...ท่านเรียกว่าเอกายนมรรค

ก็ไม่รู้จะตรงไหนแล้ว ...ตรงมรรคเป๊ะเช๊ะ ที่สุดแล้ว
รู้ตรงไหนพระพุทธเจ้าอยู่ตรงนั้นแล้ว

ไม่ใช่ว่าพระพุทธเจ้าท่านตายไปไหน ไอ้นั่นน่ะรูปขันธ์ท่านตาย
พระพุทธเจ้าก็ยังมีให้เข้าเฝ้าอยู่ทุกวันน่ะ...
พุทธะก็แปลว่าผู้รู้  ผู้รู้ก็คือว่าผู้ตื่น 
ผู้ตื่นก็คือผู้เบิกบาน สะอาด สว่าง สงบ

พระพุทธเจ้ามีอยู่ที่นี้ ...จะไปหาที่ไหน
จะไปเดือดเนื้อร้อนใจทำไมว่าพระพุทธเจ้าท่านตายไปแล้ว ไม่ได้เคารพท่าน

พุทธะก็มีอยู่ตลอดเวลา  ... แต่ว่าเราเอาใจออกห่างเอง


 


คำสอน "พระอาจารย์" 

คัดลอกโดยตัดทอนมาจากแทร็ก 7/8 (ช่วง 2)






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น