วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

"หมู"...รึเปล่า?





การรู้ การเห็น...การรู้กายปกติ 
กายเขาเป็นปกติธรรมดาหยุ่นๆ นี่ มันจะเป็นลักษณะอย่างเนี้ย 
ใจที่เรารู้ ก็รู้แบบเบาๆ มันไม่ได้กำ มันไม่ได้แข็งเขม็งตึง
รู้เบาๆ รู้ธรรมดาอย่างนี้ แล้วมันจะแข็งแรงขึ้นเอง เข้าใจมั้ย

ไม่ใช่ว่าปุ๊บนี่จะเอาให้ชัดเลย จะเอาให้รู้ชัด อย่างนี้มันเกินไปแล้ว 
  อย่าไปกำ รู้เบาๆ หยั่งๆ ลงไป หยั่งๆๆๆ  

คำว่าญาณนี่แปลว่าหยั่งรู้นะ 
ญาณ..ปรีชาญาณ คือการหยั่งรู้ในสองสิ่ง 
ใช้การหยั่งให้ชัด...หยั่งแล้วให้มันชัด  
ไม่ใช่ไปบังคับให้มันชัด มันกำอย่างนี้มันจะเครียดนะ 
เครียดแล้วแข็ง แข็งแล้วเดี๋ยวเปราะ  
ของไหนถ้าแข็งแล้วเปราะ แตกง่าย หักง่าย กะเทาะง่าย

แต่ถ้าเบาๆ หยุ่นๆ  รู้หยุ่นๆ รู้เบาๆ อย่างนี้ มันก็ไม่ได้กำแน่น 
รู้เบาๆ มันจะเหนียว ยืดหยุ่น แต่แข็งแรง ทนทาน  
อ่อนไหวแต่ไม่อ่อนแอ มันจะเป็นอย่างนั้น  
อ่อนไหวคือมันจะว่องไว สลับไหวพริบ พร้อมที่จะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา  
เมื่อกายเปลี่ยนมันก็เปลี่ยนได้พร้อมกัน

เนี่ย ต้องฉลาด...ต้องฉลาดในอุบาย ต้องฉลาดในวิถี  
เรียนรู้เอา...ประสบการณ์ ...ไม่ใช่ทื่อๆ มะลื่อ โง่ซึม 
ทำอะไรก็ทำไปเซ่อๆ ไปอย่างนั้นน่ะ ไม่มีปัญญา  

ต้องคอยสังเกตสอดส่องอยู่เสมอ 
ยังไงอันไหนหนักไป อันไหนเบาไป  
รู้ยังไงหนัก รู้ยังไงเบา  
ไอ้รู้ถ้าเบาเกินไปก็ไหล ไอ้รู้หนักเกินไปก็แข็ง 
นี่ รู้ยังไงที่จะรู้สบายๆ แต่ว่าอยู่ได้นาน 
อยู่กับกายได้ต่อเนื่อง เห็นสองสิ่งได้ชัดเจน

เนี่ย พวกนี้เป็นวิชาการที่ไม่มีในตำรา  
แต่มันมีในภาคปฏิบัติ มันมีในภาคสนาม 
มันถึงว่าต้องไปฝึกแบบแรงเยอร์น่ะ 
ไม่ใช่มาอยู่เรียนในเล็คเชอร์ 
ต้องแรงเยอร์ เข้าไปลงในสนาม

ไอ้พวกเรานี่เขาเรียกอะไร...หมู...หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม  
มันเก่งอย่างเนี้ย ไอ้ตอนฟัง...(เน้นเสียง) มันเข้าใจ่จจ รู้หมดทุกเรื่อง  
แต่ลงสนามจริงน่ะหมู...หมูทั้งนั้น (หัวเราะ) ...เสร็จทุกราย  
โดนเชือด โดนเชือดเอาไปตุ๋น  โดนเชือดแล้วโดนตุ๋น 
โดนโลกตุ๋นมั่ง โดนขันธ์นี่ตุ๋นมั่ง โดนคำพูดคนอื่นตุ๋น 
โดนอาการของคนอื่นตุ๋น ตุ๋นซะเปื่อยเลย

เพราะนั้น นิดนึงก็เอา หน่อยนึงก็เอา 
มีเวลาตอนไหนที่รู้ตัวได้ พยายามทำความชัดเจนตรงนั้น  
นิดเดียวก็ยังดีนะ ขอให้มันชัดเจน...ขอให้มันชัดเจน  
มันจะเป็นประสบการณ์ มันจะเป็นความชำนาญ  
มันเกิดความชำนาญ มันจะเกิดมีชวนะในตัวของมันเอง  
ชวนะคือว่องไวไหวพริบ พึ้บพั้บๆ กลับมา 

อย่าไปซึม ปล่อย
อาการซึมนี่จำไว้เลย...เดี๋ยวไหล เดี๋ยวเลื่อน ซึม เบลอ  
แล้วก็อะไรก็ไม่ชัด รู้ก็ไม่ชัด สิ่งที่ถูกรู้ก็ไม่ชัด...แต่ดูเหมือนรู้อยู่น่ะ  
อย่างนั้นน่ะเขาเรียกว่าซึมนะ เศร้าหมอง ขุ่นนะนั่นน่ะ 
ไม่ใช่สตินะ สติไม่ใช่อย่างนั้น สมาธิไม่ใช่อย่างนั้น  
สมาธิ สติ นี่ผ่องใสนะ แจ่มใสนะ ชัดเจนนะ ชัดเจนในตัวของมัน

คำว่าชัดนี่ คือชัดในปัจจุบันกับสิ่งที่รู้ แค่นั้นเองนะ 
ไม่ใช่ไปชัดเรื่องอื่นนะ  ไม่ใช่ไปชัดตามตำรา 
ไม่ได้ชัดในเรื่องราวคนอื่น หรือเข้าใจในเรื่องคนอื่น  
หรือเข้าใจในสิ่งที่...สภาวธรรมที่ยังไม่ถึง 
หรือเคยเข้าใจมา เคยได้ยินได้ฟัง  ...มันไม่ใช่


ชัดเจนในปัจจุบัน
นั่นแหละ สติจริง สมาธิจริง...ถึงบอกว่าต้องรู้จริง  

เมื่อรู้จริง...รู้จริงแล้วให้รู้ชัด เมื่อรู้จริงรู้ชัดแล้วรู้แจ้ง 
รู้แจ้งแล้วรู้วางเองน่ะ  รู้แจ้งแล้วมันจะวางเอง 

แล้วก็รู้แจ้งรู้วาง ต่อไปก็รู้ปล่อย รู้หลุด รู้พ้น  
รู้แล้วก็หลุด...รู้แล้วก็พ้น...รู้แล้วก็ดับ  
คราวนี้ จนสุดท้ายก็ดับไปดับมาๆ 
ดับจนกระทั่งดับตัวมันเองเลย

นั่นน่ะ ...อาศัยรู้อย่างเดียวนี่แหละ 


คำสอน "พระอาจารย์"
แทร็ก 7/1



หมายเหตุ : ขอบคุณภาพประกอบ
Thanks for image "cute baby owl photo"