วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2557

พรรษา...อย่าคอยฝน





พรรษา...อย่าคอยฝน




กลับมารู้อยู่ในปัจจุบัน เห็นปัจจุบัน 

ไม่รู้อะไร สับสน แยกอะไรไม่ออก  
กลับมาดูสิ  นั่ง...ก็รู้ว่านั่ง  เห็นมั้ย
 ง่ายที่สุดน่ะ  commonที่สุด สามัญที่สุด  

แต่พวกเราไปมองหาอะไรที่มันไกลเกินไปอ่ะ  
หาไกลออกไป มองข้ามขณะปัจจุบัน


กายเป็นมรรค ใจเป็นมรรคอยู่แล้ว 
ไม่ต้องไปหาที่ไหน


มันกลายเป็นกบเฝ้ากอบัว  
บัวนี่มีคุณค่าถวายพระเป็นพุทธบูชา  ถวายเป็นของสูง
กบนี่มันอยู่กับบัว  แต่กบมันอาศัยแค่เป็นที่มันนอน  
มีอะไรมันก็กระโดดโผไปจับตรงโน้นตรงนี้ 
แมลงมามันก็ไปจับ ไปเล่นน้ำ ว่ายน้ำไป  
สุดท้ายก็มาเห็นว่ากอบัวนี่เป็นที่อยู่ไปแค่นั้นเอง 
ไม่มีสาระไม่มีประโยชน์สำหรับมัน


เราอยู่กับกาย เราอยู่กับใจของเรา 
เรามองกายใจ เหมือนกับกบที่เฝ้ากอบัวหรือเปล่า  

ทำไมไปหาอะไรที่มันออกนอกกายนอกใจ  
ออกนอกกายปัจจุบัน ออกนอกใจปัจจุบัน เกินไปรึเปล่า ... สอบทานดู


ถ้ากลับมาเห็นคุณค่าของกายของใจปัจจุบัน 
แค่เนี้ย มรรคอยู่ตรงนี้แล้ว  
ใจก็ปรากฏเด่นชัดอยู่ตรงนี้แล้ว ว่ารู้..เห็น รู้..เห็น ...  

จะต้องไปทำอะไร  
ธรรมเขาแสดงอยู่ทนโท่อยู่ตลอดเวลา 
แต่เรากลับวิ่งหนีธรรม โดยเข้าใจว่านั่นเป็นการหาธรรม

แต่เราบอกว่าหนีธรรม ... หนีธรรมที่เป็นจริงในปัจจุบัน  
ไปหาเอาในความฝันรึไง หาเอาข้างหน้าว่า 
ทำๆ ไปเดี๋ยวก็ดีเอง เดี๋ยวก็เจอเอง  ...อย่างนี้หรือ  

เหมือนข้าวคอยฝน  
มันจะแล้ง หรือมันจะน้ำท่วมก็ไม่รู้นะ … เอาแน่ได้มั้ย 



การปฏิบัติ...อย่าให้เป็นข้าวคอยฝน  
ปัจจุบันธรรม ปัญญาวิมุติ...รู้ตรงนี้ เห็นตรงนี้ ละตรงนี้  

ไม่ต้องว่าชาติหน้าค่อยละ 
ไม่ต้องถามถึงชาติหน้าว่าค่อยเข้านิพพานเอาชาติหน้า  
เอาเดี๋ยวนี้ ไม่มีให้เยิ่นเย้อ ยืดเยื้อ  

รู้ตรงนี้ ละตรงนี้ ... กลับมาอยู่ที่ใจในปัจจุบันตรงนี้.


พระอาจารย์

แทร็ก 3/1



(Thank for picture - 'japanese-rice-murals'
from...http://www.zeutch.com/cool/rice-murals-1492)

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทุกข์...แต๊ก่ะ?




"ทุกข์" ... จริงป่าว?


โยม –  ...มีความรู้สึกว่าชีวิตมีแต่ความทุกข์ฮ่ะ ...ทุกข์เพราะเราไปให้ค่ากับมันรึเปล่าคะ   

พระอาจารย์ –   ทุกข์มันมีอยู่สองอย่าง  ... ธรรมดามันก็ทุกข์อยู่แล้ว แล้วเราก็ไปให้ความสำคัญกับมันด้วย...เกินไป  มันทุกข์เกินจริง  ... ธรรมดามันก็ทุกข์ เพราะว่ามันทุกข์ตามความจริง 

ไอ้อย่างที่พวกเราทุกข์ มันไม่ใช่ทุกข์ตามความจริง  ทุกข์แบบหลง..หลงไป หลงไม่ได้ดั่งใจ  ทำแล้วไม่ได้ผล ทำแล้วไม่ได้ดั่งใจ คนอื่นทำแล้วไม่ได้ดั่งใจ พวกเนี้ย  ... มันเกิดอาการไม่ยอมรับ เกิดอาการไม่ยอมรับ..มันก็เป็นทุกข์ขึ้นมา  เกิดจากการคาดคะเนแล้วไม่ได้ หวังแล้วไม่ได้ ...พวกนี้เป็นอุปาทานหมด

ธรรมดาได้หรือไม่ได้น่ะ มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา  แต่เราไม่มีปัญญา  ... เราคิดว่าต้องได้ มีความเห็นยังไง คิดยังไง ต้องเป็นยังงั้น  เขาเรียกว่าหลงไปตามความคิด หลงไปตามความเห็นของเรา


โยม –   เราก็เลยทุกข์  

พระอาจารย์ –  อือ มันทุกข์อยู่แล้ว เราก็ไปทุกข์เพิ่มกับมันอีก  ยิ่งดูยิ่งทุกข์ ยิ่งเห็นยิ่งทุกข์ ยิ่งเกิดมาซ้ำๆ ยิ่งทุกข์  เพราะเราไม่ยอมรับอาการพวกนี้  

ซึ่งอาการพวกนี้เราบอกว่ามันเป็นไปตามความเป็นจริง มันมียังไงก็เป็นอย่างงั้นน่ะ 


โยม – ไม่ต้องหนีหรือคะ    

พระอาจารย์ –  หือ จะหนีอะไร จะหนีไปไหน  


โยม –  ก็มันโดนเยอะๆ ...โดนสัมผัสเยอะๆ น่ะค่ะ     

พระอาจารย์ – แล้วจะหนีไปไหน     


โยม –  ไม่รู้เหมือนกัน       

พระอาจารย์ –   ไม่รู้ก็ไม่ต้องหนี  ... อยู่กับมันนั่นแหละ เรียนรู้กับมัน  อดทน...ต้องอดทนนะ  ถ้าหนีก็หนีไม่พ้นหรอก หนีไปก็จะเจอๆ หนีไม่พ้นหรอก 

... เหตุมันอยู่ที่นี่ เข้าใจมั้ย เหตุมันอยู่ตรงนี้ ตรงใจของเราน่ะแหละ  หนีไปไหนก็เอากายเอาใจไปเหมือนกันน่ะ มันหนีไม่พ้นหรอก เพราะตัวต้นเหตุมันอยู่ตรงนี้ 

อย่าไปเข้าใจว่าไอ้พวกนี้เป็นเหตุ...ว่าภายนอกเป็นเหตุ คำพูดคนนั้นการกระทำคนนี้เป็นเหตุ เรื่องราวต่างๆ ล้อมรอบตัวเราเป็นเหตุ ...นั่นไม่ใช่เหตุนะ มันเป็นเพียงปัจจัยแวดล้อมเท่านั้นเอง  มองดูให้มันเห็นเป็นของที่ไม่แน่นอน ไม่เที่ยง มันแปรปรวน 

มันไม่ถาวรหรอก  อย่าไปคิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ตลอดชีวิต หรือตลอดชาติ  แต่ละวันก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เห็นมั้ย  อาจจะดูซ้ำซาก แต่มันก็เปลี่ยนอยู่ มันไม่อยู่อย่างนั้นหรอก  อย่าไปคิดว่ามันอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา มันเป็นแค่ความคิด 

อดทน ...รู้เข้าไป หงุดหงิดก็รู้ว่าหงุดหงิด ขุ่นมัวก็รู้ว่าขุ่นมัว  รู้เข้าไป  ไม่มีถูกไม่มีผิดหรอก ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว เท่าที่เป็นน่ะมันดีที่สุดแล้ว อย่าไปเลือก

บอกแล้วไง อย่าคิดว่าปฏิบัติธรรม...ปฏิบัติแล้วมันจะดีขึ้น  ...ไม่ดีขึ้นหรอก แต่ว่าเรายอมรับได้มากขึ้นแค่นั้นเอง  ... เรายอมรับได้ ไม่เป็นทุกข์กับมัน ...เห็นเป็นเรื่องธรรมดา


โยม – เห็นเป็นเรื่องธรรมดา  (หัวเราะ) มันไม่ใช่ง่ายๆ   

พระอาจารย์ –   อือ มันธรรมดา  ดูไปดูมาแล้วเป็นเรื่อง.. 'อะไรวะ เรื่องแค่นี้เอง เรื่องจิ๊บๆ' ... ไม่ใช่เรื่อง อู้หู ใหญ่โตมโหฬาร อย่างที่เราประมาณการเอาไว้...ไม่ใช่หรอก เป็นเรื่องธรรมดา แล้วก็ยอมรับมันให้ได้

การปฏิบัติธรรมไม่ได้ให้หนีอะไร  พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้หนีอะไร ท่านให้เรียนรู้ทุกข์ อยู่กับทุกข์ ... ทุกข์ภายนอกทุกข์ภายใน อยู่กับมัน รู้กับมัน  ...จนมันกลัวเราน่ะ ไม่อยู่กับเราได้น่ะ  อย่าไปกลัวมัน ทำใจให้ใหญ่ไว้ ให้แข็งไว้  มันมีแค่นี้ ถามมันดิ ว่ามีอีกมั้ย...ทุกข์แค่นี้เองเหรอ 

แค่คิดแค่นี้ ก็ร้องตายแล้วๆ ...   ยั๊ง...ยังมีมากกว่านี้อีก  

ให้มันเรียนรู้ไป ให้มันแข็งแกร่งกว่าทุกข์ จนทุกข์ไม่สามารถตั้งอยู่บนใจเราได้ ... มองดูอะไรๆ ก็เป็นเรื่องเล็กน้อย เรื่องธรรมดา เรื่องเบาๆ เรื่องง่ายๆ  

มันยากเพราะเราไปผูกกับมันไว้ ในสัญญาในความจำ ในความคิดไปข้างหน้าว่ามันจะไม่จบมันจะไม่สิ้นน่ะ  มันเป็นแค่สิ่งที่เราหลอกตัวเราเองขึ้นมาเท่านั้น

แต่ถ้าเรารู้บ่อยๆ รู้เท่าทัน อยู่ในรู้บ่อยๆ เนี่ย  ความปรุงแต่งในอดีตในอนาคตมันจะน้อยลง เข้าใจมั้ย  แต่ทุกข์น่ะเท่าเดิม  อาการเห็น อาการรับรู้ อาการได้ยินนี่ มันก็เท่าเก่า  แต่ว่าอาการที่เราจะปรุงแต่งไปในอดีตในอนาคตนั้นมันจะน้อยลง 

เมื่อเราปรุงแต่งไปในอดีตอนาคตน้อยลงนี่ การเปรียบเทียบกับปัจจุบันมันจะน้อยลง มันจะไม่คิดเปรียบเทียบว่า ..'เอ๊อะ ข้างหน้ามันจะเป็นยังไงต่อไป ..เออ ถ้ามันเป็นอย่างนี้แล้วข้างหน้าเราจะเป็นยังไงต่อ ..ถ้ามันเป็นยังงี้ๆ ทุกวันแล้วเราจะเป็นยังไงต่อ'  นี่มันปรุงต่อไปในอนาคต ...'ต้องเจอคนอย่างนี้ทุกวันๆ' นี่ มันปรุงต่อในอนาคตแล้ว

แต่ถ้าเรารู้อยู่เฉยๆ นี่  อาการคิดไปอย่างนี้มันจะน้อยลง มันจะเท่าทันความคิดอย่างนี้  พอรู้ว่าคิดอย่างนี้ รู้แล้ว วางแล้ว ไม่เอาแล้ว จะคิดไปทำไม  เจอก็เจอ ไม่เจอก็ไม่เจอ  มีเหตุการณ์ยังไงก็มีเหตุยังงั้น ก็มีเหตุไป ...ก็วันต่อวัน ขณะต่อขณะ เดี๋ยวนี้ต่อเดี๋ยวนี้  ไม่มีชีวิตเพื่ออนาคตกับอดีต 

มันมีอยู่ตรงนี้ เท่าที่มี ...ตรงนี้ มีอะไรมั้ยเนี่ย  งานมีอยู่มั้ยเนี่ย มีคนอยู่มั้ย เรื่องราวมีมั้ย ...ไม่มีนะ  มันมีแต่ความจำได้แค่นั้นเอง  

ถ้าคิดเมื่อไหร่ก็ทุกข์ บอกให้เลย  คิดถึงเรื่องที่เขามาทำกับเราที่ผ่านมาเป็นยังไง..ทุกข์แล้ว  

แต่ถ้าอยู่อย่างนี้ นั่งอยู่อย่างนี้ รู้กายรู้ใจฟังเสียงเราอยู่เนี้ย มีทุกข์เกิดมั้ย  เข้าใจมั้ย ถ้าอยู่กับปัจจุบันนี่ไม่ทุกข์


โยม –  ให้อยู่กับปัจจุบัน   

พระอาจารย์ – อือ ให้อยู่กับตรงนี้  ปัจจุบันมีตรงไหน กายมีมั้ย จิตมีมั้ย ตรงเนี้ย ขณะเนี้ย  กำลังฟัง กำลังรู้ กำลังได้ยินอยู่เนี่ย  ... นี่ ให้รู้อยู่อย่างนี้  ไม่มีหรอก...ทุกข์เกิดไม่ได้

เพราะอุปาทานทุกข์นี่... มั นเกิดจากการปรุงแต่งไปในอดีตและอนาคต แล้วก็มีความหมายมั่นขึ้นมาว่า 'อดีตเคยเป็นอย่างงี้ อนาคตมันน่าจะเป็นอย่างงั้น'  'ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ โหย อนาคตต้องเป็นอย่างนั้นแน่เลย' ... ทุกข์แล้ว ...ใช่ป่าว

นี่มันคิดไปเอง...แล้วเชื่อเลย แล้วก็ทุกข์...ทุกข์ล่วงหน้าแล้ว  

แล้วก็ทุกข์ล่วงหน้ายังไม่พอ มันมาทุกข์ตอนนี้ เพราะ...กำลังคิดแล้วคิดอีก...คิดแล้วคิดอีก 

หาเรื่องมาเผาตัวเอง ซ้ำซาก ... ใช่ป่าว?

......



หมายเหตุ : คัดลอกโดยปรับแต่งมาจากบท ...คำสอน "พระอาจารย์" แผ่น 2  แทร็ก 2/1

อ่านบทคำสอนฉบับเต็มได้ที่