พระอาจารย์ – กิเลสเป็นของร้อนอยู่แล้ว มันเร่าร้อนในตัวของมันเองอยู่แล้ว สังขารน่ะเป็นทุกข์ จิตมันก็เร่าร้อน...สังขารจิต
แต่มันมีตัวเย็นอีกตัวคือใจ ใจที่รู้เห็นอยู่ ...ตรงนี้มันเย็นกว่าตรงนั้น
โยม – ไม่รู้สึกเลยเจ้าค่ะ
พระอาจารย์ – เออ (หัวเราะ) ...มันร้อน มันกลบอยู่ หาความสงบร่มเย็นไม่เจอแล้ว มันร้อนแบบไฟนรก เหมือนน้ำหยดลงไปในหม้อหรือกระทะที่ร้อนฉ่า
นั่นถือเป็นการชำระ ...เป็นวิบาก ที่จะต้องชดใช้ จิตนี่...ความงี่เง่าของจิตที่มันเข้าไปหมายมั่นในอารมณ์ ...เวลาละคลายออก มันก็ต้องร้อน ...เป็นวิบาก ที่จะต้องเสวย ...เพราะนั้นในลักษณะนี้ ไม่ต้องไปหาเลยความสงบ
ให้กลับมารู้ตัว...เพื่ออะไร ...เพื่อไม่ให้เข้าไปเติมเชื้อ แค่นั้นเอง ...ถ้าไม่งั้นนะ ถ้าไม่รู้ตัวอยู่กับกายนะ มันอดไม่ได้ที่จะเข้าไปยุ่ง มันจะเข้าไปด้วยอำนาจของความหลง ด้วยความเข้าใจผิดว่าจะไปทำอะไรกับมันดีมั้ย หรือจะไปหาความเป็นธรรมกับมันยังไง หาความเป็นจริงกับอาการนั้นยังไง
ไม่เอา...กลับมารู้ตัว แล้วก็รู้ตัวไปทั้งอย่างนั้น พยายามอย่าไปยุ่ง อย่าไปแตะต้อง...ก็ปล่อยให้เขาเป็นไป เราก็อยู่ในฐานของเราว่ารู้ตัวยืนเดินนั่งนอน เป็นฐานปัจจุบันตรงนี้ ...ส่วนจิตก็ดำเนินของเขาไป...เป็นการเรียนรู้ชดใช้ไป ต่อไปมันจะเข้าใจว่าจิตสักแต่ว่าจิต ...ไม่ใช่เรื่องของเรา
ไอ้ที่มันร้อนอยู่เพราะมันกำลังเผาความเป็นเราในนั้น...ที่เป็นเรื่องของเรา เป็นจิตของเรา...มันก็ร้อน ... ที่ร้อนเพราะ “เรา” ร้อน
บอกแล้วไง ... ใจไม่ร้อน ... แต่เรายังไม่เห็น...เพราะเราไปอยู่ในจิต.
พระอาจารย์
แทร็ก 4/15 (540530A)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น