วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

ครรลอง



:09:


เพราะนั้นว่าในขั้นตอนของพวกเราก็คือ...รู้ตัวให้มาก 
เพราะว่าถ้าศีลเล็กน้อย ศีลกระพร่องกระแพร่ง 
ศีลด่างพร้อย ศีลขาด ศีลทะลุ แล้ว


อย่าถามหามรรคผลนิพพานนะ...เป็นไปไม่ได้ 



ศีลคือกาย กายคือศีล


เอาจนมันถึงว่าก้อนนี้เป็นก้อนศีล...ไม่ใช่ก้อนเรา 
ดูมันจนเห็นว่าก้อนนี้เป็นก้อนธาตุ ไม่ใช่ก้อนหญิงก้อนชาย 



จนจิตมันเชื่อ



ไม่ใช่ไปบังคับให้มันเชื่อ ดูเอาจนมันเชื่อเองน่ะ 
เอาจนจิตมันหมดคำพูดมาเถียงน่ะ 




มันจะต้องอาศัยความต่อเนื่องซ้ำซากขนาดไหน...ก็นึกเอาแล้วกัน 




แต่ถ้ายังไม่เกิดความต่อเนื่องจริงจังน่ะ 
อย่าทิ้งกาย อย่าปล่อยให้มันหายนาน 
อย่าให้มันห่างกายปัจจุบัน 
อย่าไปจมแช่คิดค้นกับเรื่องราว 
ทั้งทางโลกและก็ทางธรรม...ข้างหน้าข้างหลัง 



ยิ่งห่างไกลกาย ยิ่งห่างกายปัจจุบัน 
ยิ่งออกจากกายปัจจุบันนานเท่าไหร่ 
การพอกพูนภพและชาติมากขึ้นเท่านั้น 
การสะสมความไม่รู้ การพอกพูนความไม่รู้
เป็นอาสวะอนุสัยมันก็มากขึ้นเท่านั้น




ถ้าอยู่กับความไม่รู้ก็หมายความว่า
กำลังของมันก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น 



เราถึงบอกว่าอย่าห่าง...
อย่าห่างรู้ อย่าห่างเห็น อย่าห่างกายปัจจุบัน 



อย่างน้อยวันหนึ่งๆ ก็ให้มันได้มากเท่าที่จะสามารถทำได้ 
แล้วก็ให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ 



ไม่ต้องกลัวว่ามันจะมากเกิน 
ศีลสมาธิปัญญาอย่าไปกลัวว่ามันจะเกิน 



ไอ้ที่เรากลัวคือกลัวขาด กลัวจะไม่มีเลย 



เพราะส่วนมากมันไม่มีเลย 
และมันยังไม่รู้ตัวเลยว่ามันไม่มีเลย 




แล้วมันก็อยู่ได้หน้าตาเฉยแบบกลมกลืนมากกับโลก
มันเข้าไปกลมกลืนกับโลกแบบหน้าตาเฉย 
และไม่รู้สึกด้วยว่าผิด ไม่รู้สึกเลยว่าไม่ถูกในองค์มรรค
ไม่ได้สังเกตเห็นเป็นสำคัญเลย 



มันกลมกลืนอย่างมากเลยกับโลก 
เพราะว่ามันห่างศีลสมาธิปัญญา ห่างสติ ห่างกาย ห่างปัจจุบัน 



แต่ยิ่งมีปัจจุบัน อยู่กับปัจจุบันกาย ด้วยสติ มากขึ้นเท่าไหร่ 


ยิ่งใกล้ชิดองค์มรรค ยิ่งแนบชิดติดกับมรรค 



และก็ยิ่งเดินเข้าไปในมรรค ลึกเข้าไปในมรรค ...เรื่อยๆ 




ถนนของมรรค หรือว่าเส้นทางของมรรค 



หรือว่าครรลองของมรรค มันก็ขยับเข้าไปๆ ในมรรค 



จนก็เป็นมรรคเบื้องต้น มรรคขั้นกลาง ... แล้วก็ที่สุดของมรรค




ก็ต้องอาศัยกายใจปัจจุบันเป็นหลัก 

ความต่อเนื่องคือการก้าวเดินไปในมรรคนั่นแหละ 



:09:



พระอาจารย์


แทร็ก 9/31

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น