วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กล้ารู้...กล้ารับ







กล้ารู้...กล้ารับ




พระอาจารย์ – ...ถ้ามีสติอยู่ มันจะเป็นตัวปรับสมดุลอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว เข้าใจมั้ย  มันจะปรับให้ ไม่เกิดอาการจนเกินไป ในขณะที่รู้อยู่  ... มันจะเป็นเหมือนบังเหียนอยู่แล้ว 

แต่ไม่ใช่เกิดจากการที่เราเข้าไปกำหนดห้ามนะ ... สตินั่นแหละเป็นตัวห้ามของมันเอง ให้เกิดความพอดี  ...เป็นตัวปรับให้มันพอดี  ไม่สุดโต่งๆ  

เช่นว่า เวลาดีใจ พอรู้ว่าดีใจปุ๊บ มันจะไม่ดีใจถึงสุดๆ ... เวลารักอย่างนี้ รู้อยู่อย่างงี้ มันจะรักแบบจางๆ ... เวลาเครียดหรือโกรธก็ตาม ขณะที่รู้อยู่ มันจะไม่สุดลิ่มทิ่มประตู

แต่มันไม่ได้หมายความว่าหายไป เข้าใจมั้ย  เพราะเราไม่ได้ทำให้มันหาย...ด้วยการบังคับหรือว่าไปดับ ไปตัดมัน


โยม – แล้วถ้าเราคิดจะเลิกกับแฟนล่ะคะ

พระอาจารย์ – คิดแล้วก็ทำ ...จะเลิกก็เลิก แล้วก็ดูว่าเลิกแล้วเป็นยังไง จิตเราเป็นยังไง รู้ไป ...ไม่เลิกก็ไม่เลิก ไม่ต้องคิด ...ถ้าคิดแล้วก็ทำ ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องคิด ... คือทำไปเถอะ ได้หมด แล้วก็ยอมรับผลทั้งหมด


โยม – จะไปก็ไป จะอยู่ก็อยู่

พระอาจารย์ – แค่นั้นแหละ ... เราไม่บอกว่าถูก เราไม่บอกว่าผิด  เราไม่บอกว่าควร เราไม่บอกว่าไม่ควร  เราไม่ห้าม เราไม่สนับสนุน ... อยากทำ...ทำ ไม่ทำก็ไม่ทำ ...ไม่ว่ากัน 

แต่ทำแล้วเป็นยังไง ไม่ทำแล้วเป็นยังไง...ต้องรู้อยู่นะ ... ทำแล้วคุณต้องรับผลนะ คุณต้องรับผลที่ว่าคุณรู้สึกยังไง...พอใจ-ไม่พอใจ  ดู...กลับมาดู


โยม – ดูตรงนั้นไปเลย

พระอาจารย์ –  ให้กลับมาดูความเป็นจริงของใจเรา ความรู้สึกของเรา แค่นั้นเอง ... แล้วก็เรียนรู้ต่อไป...ในผลของการกระทำนั้นๆ  ทำแล้วยังไง...เราต้องรู้ แค่นั้นเอง


โยม –  ควรที่จะเรียนรู้ต่อไป

พระอาจารย์ – มันไม่แค่ควรน่ะ...แต่มันต้องเรียนรู้เลยน่ะ  เพราะมันเป็นการกระทำที่ต้องส่งผลทั้งในแง่บวกและลบอยู่แล้ว เข้าใจมั้ย ... มันหนีไม่ได้ 

อย่าไปคิดมาก ถ้าคิดมากน่ะทำอะไรไม่ได้ ... จะทำก็ทำ ไม่ทำก็ไม่ทำ เอาให้มันขาดลงในปัจจุบัน  ไม่ต้องมานั่งคิดข้ามเดือนข้ามปี คิดมาก คิดไกล คิดยาว ...ทำไปเหอะ แล้วผลยังไงก็รับไป แล้วก็ดูมันไป ... เนี่ย วางลงในปัจจุบัน ง่าย สั้นๆ คิดแบบไร้สมอง ไม่ต้องคิดมาก


โยม – เราก็ต้องกล้าที่จะรับ

พระอาจารย์ – ถูกต้อง  ต้องรับน่ะ อย่าไปปฏิเสธ และอย่าไปโทษคนอื่น  ทำเอง...รับเอง คนอื่นไม่เกี่ยว  ผลอยู่ที่เรา รับเอง...วางเอง ...อยู่ตรงนั้น จิตมันจะกล้าหาญ...ในการที่จะเผชิญในการกระทำทุกอย่างโดยไม่เลือก...บวกก็ได้ ลบก็ได้ เอาดิ

อย่างนั้นแหละ ...อย่าไปเล็งผลเลิศ หรือจะเอาความเพอร์เฟ็ค...ไม่มีหรอก มันมีแค่ในความคิด ...คิดเท่าไหร่ก็เพอร์เฟ็ค  แต่ทำเข้าจริงๆ น่ะ...ดูไม่จืด บอกให้เลย  พอไปทำ มันได้อย่างนั้นน่ะดีที่สุดแล้ว แค่นั้นเอง

เพราะนั้นทำด้วยสติ ทำอะไรก็รับผล แล้วก็รู้ๆๆ ไป ... มันจะฉลาดในการจัดการวิถีของมันเองต่อไป เข้าใจมั้ย มันจะไม่กลัวอะไรในการที่จะก้าวเดิน  ท่านถึงเรียกว่าเป็นสุคโต ไปดีมาดี ...อยู่ก็ดี ไปก็ดี มาก็ดี  คือไปแบบไม่มีปัญหา ไม่กังวล ไม่วิตก

เพราะอะไร เพราะเราไม่ตั้งเป้าอะไร ไม่ต้องไปคาด ...ถ้าเลิกแล้วจะเป็นยังไง ไม่เลิกแล้วจะเป็นยังไง  เนี่ย ชักเข้าชักออกๆ ไปไม่รอด 

จะไปก็ไป จะตกเหว กูก็ตกเหววะ เอ้า ไปแล้วขึ้นสวรรค์ กูก็ขึ้นสวรรค์ อย่างนี้ ไม่ต้องคิดมาก แล้วแต่มันจะว่าไป  แล้วไม่ต้องคาดด้วยมันจะลงเหวหรือขึ้นสวรรค์  ลงเมื่อไหร่ก็รู้ ขึ้นเมื่อไหร่ก็รู้  ตรงนั้นแหละ เอาแค่ตรงนั้น  เนี่ย เขาเรียกว่ารู้แบบโง่ๆ แต่ว่าไปด้วยความมั่นใจ 

แล้วก็เรียนรู้ไป จากอาการการกระทำของเรา ศึกษามัน สำเหนียกกับมัน  แล้วต่อไปข้างหน้ามันก็จะรู้เอง ฉลาดในการเดิน...ให้มันอยู่ในครรลองของความเป็นกลาง สมดุล มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกันน้อยที่สุด

แต่ตอนนี้ เพราะเราคิดไว้มาก มันจึงมีตัวเลือกหลายอย่างที่เรากังวลถึงคนอื่นหลายคน อะไรอย่างนี้ ยังวางไม่ลง หาทางออกไม่ได้แค่นั้นเอง


โยม –  ใช่

พระอาจารย์ – แต่ทำน่ะบอกแล้ว ต้องรับผลหมด...แล้วเรียนรู้กับมัน ...ไม่มีการกระทำของเราที่จะไปช่วยคนอื่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก...ช่วยไม่ได้  

ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นทายาท ... เราไม่สามารถจะอุ้มชูหรือให้เขาเสวยวิบากได้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เราก็เป็นเพียงตัวประกอบนึงเท่านั้น  ทุกคนก็ต้องยอมรับในกฎแห่งกรรมของตัวเอง ทุกคนมีกรรมเป็นเจ้าของแล้ว ไม่ใช่เพราะเราเแต่ถ่ายเดียว




หมายเหตุ : คัดลอกโดยตัดทอนมาจาก "คำสอน พระอาจารย์" แผ่น 2 แทร็ก 2/3
อ่านคำสอนบทเต็มได้ที่บล็อก ... คำสอน "พระอาจารย์" (แผ่น 2)
http://ngankhamsorn2.blogspot.com/2014/07/23.html





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น