วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เอ้า ฮึบ..."ลุก"





พระอาจารย์ –  เพราะนั้นกายใจต้องเป็นสิ่งที่ถือไว้อย่างถาวร จะมีกิเลส จะไม่มีกิเลส ก็ไม่ทิ้งกายใจ ...ไม่ใช่ว่าไปตั้งอกตั้งใจรู้ตัวตอนที่เฉพาะมีอารมณ์หรือมีความคิด

ไม่มีกิเลส รู้สึกว่าไม่มีกิเลสเลย ไม่มีอารมณ์เลย  ก็ยังต้องถือกายใจไว้ ไม่วาง ...อย่างอื่นวางได้หมด ยกเว้นกายใจ ยกเว้นศีลสมาธิปัญญา วางไม่ได้ ทิ้งไม่ได้ วางไม่ได้เลยน่ะ

 ถ้ากล้าแลก ...แลกกับความสัมพันธ์ทั้งหมด แลกกับความถูกผิดในโลกทั้งหมด แลกกับความชมชอบของจิตเรา ความไม่พอใจ ความพอใจของจิตเราในอารมณ์โลก

นี่ ท่านแลก สละออก แลกไป ...เพื่อให้ได้กายใจปัจจุบัน เพื่อดำรงกายใจอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้รู้ถึงกายใจปัจจุบัน อย่างต่อเนื่อง

เพราะนั้นมันไม่ใช่ว่ามันจะได้กันมาง่ายๆ  มันต้องแลกเอามา ...จนบางท่านบางองค์ก็ต้องแลกชีวิตกันเลย เพื่อจะไม่ให้จิตมันคลาดออกจากกายใจปัจจุบันนี้ไป

แล้วไปก่อเรื่องก่อราว ไปก่อร่างสร้างขันธ์มารองรับ สร้างอารมณ์เป็นเราของเราขึ้นมา ข้างหน้าข้างหลัง ในภายภาคหน้า เป็นภพชาติชราพยาธิมรณะต่อไป

ถึงบอกกิเลสนี่เป็นสิ่งที่เหนียวแน่นที่สุดในสามโลกธาตุ ...อะไรที่ว่าเหนียวๆ เรียกว่าขาดได้ยาก ละไม่ขาด หรือว่าไม่มีเครื่องบั่นทอนทำลายล้างที่ว่ายากที่สุดในวัตถุข้าวของเรื่องราวต่างๆ

กิเลสนี่เป็นสิ่งที่เหนียวแน่นยิ่งกว่าอีก ยิ่งกว่าความเหนียวแน่นใดๆ ในโลกนี้ ...ถ้ายังปล่อยจิตปล่อยใจ ถ้ายังปล่อยเนื้อปล่อยตัว ให้เป็นเหมือนเดิม อย่างเดิม แบบเดิม ...ก็เรียกว่าประมาทตายใจกับกิเลส 

พวกเรา พวกผู้ภาวนานี่ ยังมีช่องว่างเยอะ เยอะแยะ เยอะจนเรียกว่า...รู้จักกระชอนไหม นั่น เอากระชอนไปตักน้ำน่ะ ...นั่นน่ะ ถามว่าศีลสมาธิปัญญาอยู่ไหน ก็อยู่ในกระชอนนั่นน่ะ

ปริมาณของศีลสมาธิปัญญามีแค่ไหน ก็อยู่ในกระชอนนั่นน่ะ ตักเข้าไปเหอะ ตักเท่าไหร่ก็รั่วเท่านั้นน่ะๆ ...มันจะเก็บพลังอำนาจของศีลสมาธิปัญญาได้ยังไง หือ  

นั่นน่ะคือรูรั่ว ช่องว่างที่มันออกไปพร้อมกับจิตปรุงแต่งน่ะ มากมายนับไม่ถ้วนกันอย่างนั้นน่ะ

เห็นมั้ย กิเลสมันไวขนาดไหน พึ่บ ไปเลย พั้บ ไปเลย ...มันหลุดข้ามกาย ทะลุกายไปแบบไม่เห็นฝุ่นเลยน่ะ ...กิเลสนำหน้านี่ นำหน้าแบบไม่เห็นฝุ่นเลย 

แล้วพอไปแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว ...ไม่มีคำว่ากลับตัวด้วยนะ ไปแล้วไปลับ ไปแล้วไปจ้อยเลย หายจ้อยเลยนะ ครึ่งค่อนวัน ...มันรั่วขนาดนั้น ศีลสมาธิปัญญามันรั่วขนาดนั้น

แล้วถามว่า...จะเอาอะไรไปละกิเลส หือ มันจะเอาปัญญามาจากไหน ...นี่คือคำตอบ นี่คือเฉลยคำตอบ ว่าคำตอบที่ถูกที่สุดอยู่ตรงไหน ...มรรคที่จะส่งผลจนเกิดผลน่ะ มันคือตรงไหน ต้องขีดระดับไหน 

แล้วพวกเราอยู่ในขีดขั้นไหนขององค์มรรค คือขั้นตอนไหนของศีลสมาธิปัญญาล่ะ ...ลองวัดแบบเทียบค่ากับกิเลส ประเมินกับกิเลสที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ดู มันก็เห็นแล้ว

เพราะนั้นสิ่งที่มันจะดึงให้ออกนอกกายใจนี่ มันมีตลอดเวลา...มาแบบคาดไม่ถึงเลย และตลอดเวลา กิเลสมันท่วมท้นสามโลกธาตุ ครอบงำสามโลกธาตุหมดเลย มืด มิดเลย คลุมแบบมิดเลย

ถ้าไม่เอาความตั้งใจอดทนมาสู้กันในเบื้องต้นแล้วนี่ คือตั้งใจที่จะรู้จริงๆ จังๆ กับกายนี้ ...เอาความตั้งใจนี่มาเป็นตัวสู้กับกิเลสก่อน เอาความอดทนเป็นตัวสู้กับกิเลสก่อน 

เรียกว่าขันติเป็นตบะที่แผดเผาก่อน ...แล้วมันก็ค่อยๆ ก่อร่างสร้างศีลสมาธิปัญญาขึ้นมา

คืออย่าพัก เหนื่อยก็ทำ ไม่เหนื่อยก็ทำ ดันทุรังกันไปมาอย่างนี้ ...ดันทุรังกับกิเลสนี่ ไม่ต้องถามถึงชนะหรอก แพ้มันตลอด เข้าใจรึเปล่า รู้สึกว่าแพ้อยู่ตลอด...ก็ต้องทำ อย่างนั้นน่ะ

ไม่มีแม้แต่ว่าอิ่มใจได้ขณะหนึ่งว่า กูชนะแล้ว ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ...เพราะนั้นมันจะมีความรู้สึกว่า ไม่ไหว ไม่ได้ ไม่ได้เรื่อง อยู่ตลอดเลย อยู่อย่างงั้นแหละ

แต่อย่าหยุด ที่จะมุ่งมั่น มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการปฏิบัติ นี่เรียกว่าเป็นการปฏิบัติโดยไม่หวังผล แม้ว่าผลที่ได้คือแพ้ตลอด

เพราะกิเลสมันเยอะเหลือเกิน มากเหลือเกิน ...เรื่องที่เกิดค้างไว้..เยอะแยะ  แล้วยังมีเรื่องที่ยังมาไม่ถึงอีก..เยอะแยะ  แล้วไอ้เรื่องที่อยู่ในปัจจุบันก็อีก..เยอะแยะ

มันก็เป็นธรรมดา ...ก็บอกแล้วว่าเวลาว่ายน้ำแล้วไม่เห็นฝั่งนี่ มันจะเป็นอยู่ในอาการนั้นน่ะ ทุกคนไป ...ไม่ว่าใคร ไม่ว่าพระอริยะองค์ไหน ท่านก็เริ่มต้นจากจุดนี้ทั้งนั้น

เอ้า ไป ไปตั้งเนื้อตั้งตัว ไปตั้งกายตั้งใจ ...ถ้าตั้งไม่ได้มันก็ล้ม 
ถ้าตั้งได้ ตั้งกายได้...มันก็ตั้งใจได้  ใจก็ตั้งกายก็ตั้ง 
ต้องคอยตั้งอยู่ตลอด เพราะมันจะล้มอยู่เสมอ

อย่าไปทำเป็นตุ๊กตาล้มลุก 

แต่เอาเหอะ...ล้ม-ลุก ...ก็ยังดีกว่าล้มแล้วไม่ลุก




คัดลอกโดยตัดทอนและเรียบเรียงใหม่จาก

คำสอน "พระอาจารย์" 

(แผ่น 16) ชุดแทร็กต่อเนื่อง 16/28-30









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น