วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559

"ไม่เล่นนะ !"





พระอาจารย์   ให้ห้าวหาญในการปฏิบัติ ...อย่าไปห้าวหาญตามกิเลส อย่าไปห้าวหาญกับการเอาชนะคะคานในความคิดในความเห็นกับคนอื่น

มันไม่มีประโยชน์หรอก เสียเวลาเปล่า ...บาดเจ็บล้มตายเพราะว่าทะเลาะเบาะแว้งกันในธรรมนี่ล่ะ ตกนรกหมกไหม้ก็เพราะการทะเลาะกันในธรรมนี่แหละ

ซึ่งมันไม่ได้เป็นสิ่งที่ว่าตรงต่อธรรมเลย มันไม่ได้เป็นสิ่งที่จรรโลงพระศาสนาเลย ...กลับทำความมืดมน  มืดบอด ต่อศีลสมาธิปัญญาเสียด้วยซ้ำ

การจะสืบทอดอายุพระศาสนา การจะทำให้พระศาสนานี้มีคุณค่า มีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นมรรคเป็นผลขึ้น ...คือต้องทำตัวเองนี่ให้บังเกิดด้วยศีลสมาธิปัญญา

ทำให้มันถึงด้วยตัวเองสิ เอามันจนเคารพได้...เคารพศีลของตัวเองได้น่ะ ไม่บกพร่องในศีลเลย อย่างนี้

นี่ เอาแค่ศีลตัวเดียวน่ะ...ให้มันตรง และกล้าที่จะทุ่มเทลงไป ...ท่านถึงบอกว่า รักษาศีลเท่าชีวิต

หมายความว่า ไม่ว่าจะเป็น ไม่ว่าจะใกล้ตาย ไม่ว่าจะกำลังจะตาย หรือไม่ว่ากำลังเดือดร้อนแสนสาหัส ทุกข์ทุรนทุราย บีบคั้นด้วยกิเลสภายนอก-ภายใน

ถูกเหตุการณ์จู่โจม ฮึกโหม  ถูกเผาลนด้วยสภาวะโลก สภาวะครอบครัว สภาวะเหตุบ้าบออะไรที่จะเจอในหน้าที่การงานนี่ ...จะต้องอ้างถึงศีล อิงถึงศีล...ให้ถึง..ให้ได้

นั่นแหละคือผู้ปฏิบัติที่แน่วแน่ต่อศีล ...นี่ ต้องการผู้ปฏิบัติที่แน่วแน่ต่อศีล ก่อนที่จะแน่วแน่ต่อนิพพาน ...ถ้าไม่ได้ศีลก็ไม่ได้นิพพาน ถ้าไม่มีศีลก็ไม่เกิดนิพพาน ถ้าไม่ถึงศีลก็ไม่ถึงนิพพาน

นี่จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ นั่ง..รู้ ยืน..รู้ เดิน..รู้ ขยับ..รู้ ไหว..รู้  อยู่อย่างนี้ รู้มันเข้าไป ...ก้าวเดินแต่ละก้าวนี่ การกระทบ ฝ่าตีนกับผืนดินนี่...ให้มันพอดีกัน ให้มันรู้ทันกัน รู้เท่ากัน เสมอกัน

กายใจนี่เสมอกัน ไม่ให้ล้ำกัน เกินกัน ...ขาซ้ายไปแล้ว ไปรู้ที่ขาขวายังไม่ก้าวอย่างนี้ หรือขาขวาก้าวแล้ว ไปรู้ตอนที่ขาซ้ายมันกำลังก้าวอยู่ อย่างนี้ มันไม่พอดีกัน

หรือไม่รู้เลยทั้งซ้ายทั้งขวา แต่เสือกไปรู้ว่า...ไอ้นั่นมันเลิกกับกู กูเลิกกับมึง คนนั้นมันไปเอาคนนี้ ...ไปรู้ทำไม ไอ้นี่เขาเรียกว่านอกกายนอกใจ นอกศีลนอกสมาธิปัญญา

อย่างนี้เรียกว่าออกนอก..แบบให้อภัยไม่ได้ ...สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมนะ ถ้าคนอื่นเราไม่ว่า เขาไม่ได้มาขอเข้าทะเบียนสำมะโนครัวเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ...ช่างหัวมึง 

แต่ถ้าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมนี่ ถือว่าผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง เป็นการแสดงถึงความไม่เคารพต่อศีล บกพร่อง ไม่เคร่งครัด ไม่มัธยัสถ์ในศีล

แต่ว่าไอ้การห้าม หรือการที่ว่าไม่ให้มันเกิดอาการหลงลืม หรือว่าพลั้งเผลอ ลืมเลือนไปนี่ ...มันห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ...แต่อย่าไปเห็นดีเห็นงามไปกับมัน เมื่อมันเกิดพลาดพลั้งเผลอไป

ต้องรีบเร่ง...กลับที่กลับฐาน...กลับกาย กลับมาอยู่กับใจ กลับมาอยู่กับปัจจุบัน...อย่างเอาจริงเอาจัง ...นี่ อย่างเอาจริงเอาจังด้วยนะ ไม่ใช่เอากันเล่นๆ นะ

เพราะกิเลสมันไม่เคยเล่นกับเราหรอก มันเอาจริงนะ ...กิเลสนี่เขาเอาจริงนะ เขาให้ทุกข์จริง เขาสร้างทุกข์จริง เขาสร้างสุขให้จริง เขาสร้างเรื่องหลอกลวงจริงตลอดเวลา

เขาจริงจังนะ...ในการสร้าง ในการปรุง ในการแต่งนี่ ...เขาไม่ได้มาแกล้งเราเล่นๆ นะ เอากันจนตาย-เกิดๆๆ เป็นนับภพนับชาติไม่ได้...นี่ ไม่ใช่เล่นๆ กันนะ

แต่ศีลสมาธิปัญญาของเรา มาทำกันเล่นๆ ได้ยังไง...กิเลสเขาไม่เล่นด้วยน่ะ!






หมายเหตุ : คัดลอกโดยตัดทอนมาจาก

คำสอน "พระอาจารย์" 

(แผ่น 17 แทร็ก 17/21)






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น